ในทุก ๆ ความสัมพันธ์นั้น ความจริงใจเป็นสิ่งที่สำคัญ เมื่อมีความจริงใจต่อกันความสัมพันธ์ก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น แต่ถ้าหากวันหนึ่งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกดถูกทำให้เสียความรู้สึกขึ้นมาด้วยการถูกโกหก มันก็ย่อมทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีให้แก่กันมานานพังลงได้โดยง่าย โดยเฉพาะกับชีวิตคู่ที่ความสัมพันธ์นั้นเป็นเรื่องที่เปราะบาง การถูกอีกฝ่ายนอกใจไปxxxกับคนอื่นนั้นเป็นเรื่องที่สามารถทำให้ความสัมพันธ์พังลงได้ทันที และอาจไม่สามารถกลับไปเป็นแบบเดิมได้อีกต่อไป ซึ่งเราเชื่อว่าหลาย ๆ คนย่อมไม่อยากถูกหลอกแบบนั้นเป็นแน่ วันนี้เราจึงมีวิธีการจับโป๊ะคนโกหกจากภาษากายมาฝากกันนะครับ
คิดคำตอบนาน
เพราะการโกหกนั้นเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนที่สมองต้องคิดถึงความจริงก่อนที่จะมีคำโกหกตามหลังมา นั่นทำให้ในการจะหาคำตอบแต่ละครั้งจึงใช้เวลานานกว่าปกติ หรือถ้าอีกฝ่ายไม่สามารถคิดหาคำโกหกมาใช้ได้จริง ๆ ก็อาจจะตอบคำถามคุณด้วยถามกลับว่าทำไมถึงถามอย่างนั้นล่ะ ถ้าอีกฝ่ายตอบมาแบบนี้ก็คิดไว้ก่อนได้เลยครับว่าไปแอบxxxกับใครมาแล้วแน่ ๆ
หายใจดังและถี่
การบิดเบือนความจริงนั้นจะส่งผลกระทบต่อร่างกายโดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว ซึ่งคนที่กำลังโกหกนั้นจะมีการหายใจที่ถี่และสั้นจนเราสังเกตเห็นได้ นอกจากนี้ยังปากแห้งและเหงื่อออกมากกว่าปกติ ลองไปดุนะครับว่าคู่ใครเป็นแบบนี้เวลาคุยกับเราหรือเราพูดถึงคนที่สงสัยบ้างหรือปล่าว
ดวงตาหลุกหลิก
เพราะดวงตานั้นเป็นปัจจัยหลักในการสื่อสารกัน ทำให้การจับโกหกจากดวงตานั้นทำได้ง่าย เนื่องจากตอนโกหกดวงตาของคนโกหกจะไม่อยู่นิ่ง หลุกหลิกไปมา ไม่กล้าสบตากับคู่สนทนาแบบตรง ๆ ถ้าคู่เราเป็นแบบนี้ล่ะก็เป็นไปได้ที่เขาจะแอบไปxxxกับใครหลับกลังเรามาแล้วก็ได้ครับ
พูดมากกว่าปกติ
เพื่อพยายามโน้มน้าวให้อีกฝ่ายเชื่อในสิ่งที่ตนกำลังพูดอยู่ คนโกหกจึงมักจะมีการพูดและการแสดงออกท่าทางมากกว่าปกติ มากกว่าที่จะสบสายตากับคู่สนทนาและยังมักจะไม่ค่อยกระพริบตาอีกด้วยนะครับ
มือไม่สัมพันธ์กับคำพูด
จะสังเกตได้จากท่าทางการแสดงออกที่แปลกและดูไม่เป็นธรรมชาติสุด ๆ ถึงแม้ว่าตัวเขาจะพยายามมากแค่ไหน แต่สุดท้ายมือของเขาก็จะแสดงออกถึงความจริงที่สุดเพราะมันจะไม่สัมพันธ์กับคำพูดของคนโกหกนั่นเอง
ก้มหน้า
เพื่อไม่ให้คนส่วนมากรู้หรือเห็นว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร คนโกหกจึงมักจะก้มหน้า ใช้นิ้วแตะปลายจมูกและใช้มือบังส่วนปากไว้เพื่อปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงนั้นเองครับ